ปิดเทอมใหญ่คราวนี้ ออสเตรเลียคือเป้าหมาย กระเป๋าลูก1ใบ แม่1ใบ พ่อเก็บเองละกัน เริ่มเดินทางจากสุวรรณภูมิสู่เมลเบิร์นใช้เวลาโดยประมาณ 9 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็คงต้องเดินทางต่อเพื่อไปซิดนี่ย์
ในระหว่างยืนรอเพื่อจัดการตรวจเช็ควีซ่าและพลาสปอร์ตสุนัขเจ้ากรรมเดินมาดมที่กระเป๋าเป้ของสามี ทันใดนั้นตำรวจมิรอช้า เข้ามาสอบถามเล็กน้อยแล้วก็ปล่อยให้มาเข้าแถวตามเดิม เมื่อเสร็จภาระกิจ เราก็ได้เดินตรงมารอรับกระเป๋าเพื่อรอคิวให้เจ้าหน้าที่ตรวจเช็คและต่อเครื่อง
มาถึงขั้นตอนนี้เสียเวลาไปมากมายเพราะ เจ้าหน้าที่คนเดิมมายื่นรอ แล้วจัดให้เต็มๆสำหรับขั้นตอนนี้ เค้าเล็งไปที่กระเป๋าเดินทางของสามี เค้าสอบถามทั้งดิฉันและสามีโดยห้ามตอบแทนกัน โอ้!อะไรกันนี่ ยิ่งกว่าโดนสอบปากคำ ในใจคิด"ฉันกลายเป็นผู้ต้องหาไปแล้วเหรอเนี่ย" และมีรายการทีวีถ่ายทำเหตุการณ์แบบสดๆอีก
แต่ในขณะนั้นกำลังถ่ายทำคนอื่นอยู่ข้างๆเราเอง"ถ่ายไปเลยถ่ายนานๆอย่าได้หันมาทางนี้เชียว"มาถึงขั้นตอนการเปิดกระเป๋า ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวกลัวว่าจะมีใครยัดอะไรใส่ในกระเป๋า เพราะเรามั่นใจไม่มีอะไรผิดกฏหมายแน่ๆ พอเปิดออกมาแค่นั้นแหละ พระเจ้าจอร์ด pipe(ไพพ์)หลายอันพอสมควร จะพกมาทำไมเนี่ย(สามีสะสมไพพ์ค่ะ) คิดว่าสุนัขน่าจะได้กลิ่นบุหรี่ กว่าจะเสร็จสิ้น ได้ฤกษ์เดินทางต่ออีก 1 ชั่วโมง ถึงซิดนี่ย์ แวะรับรถเช่าหน้าสนานบินเพราะโทรจองล่วงหน้าไว้แล้ว
และเดินทางต่อเข้าที่พักที่ Macleay Street ถึงที่พักมืดพอดีแถมอากาศหนาวฝนตกเล็กน้อยหิวด้วย(ในขณะนั้นปลายเดือนมิถุนายน) อาหารมื้อแรกที่ซิดนี่ย์ก็เลยเป็นพิชช่าร้านฝั่งตรงข้าม เพื่อความรวดเร็วสะดวกและจะได้กลับไปพักผ่อนเพื่อคิดแผนเที่ยวต่อในวันพรุ่งนี้ และภาพที่เห็นคือภาพแรกที่ถ่ายจากหน้าต่างห้องพักชั้น7
ภาพจากมุมเดียวกันกับภาพบน |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น