19 ก.พ. 2554

สามกษัตริย์ จ.เชียงใหม่

           พระบรมราชานุสรณ์สามกษัตริย์ ตั้งอยู่หน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เดิมพระบรมรูป "สามกษัตริย์" หล่อด้วยทองเหลืองและทองแดงรมดำ มีขนาดเท่าครึ่ง จากพระบาทถึงพระเศียรไม่รวมยอดมงกุฏ มีความสูง 270 เมตร ออกแบบและทำการ ปั้นหล่อโดยคุณไข่มุกด์ ชูโต ใช้เวลา 10 เดือน ประกอบพิธีอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์ สามกษัตริย์ จากกรุงเทพมหานครขึ้นประดิษฐานบนแท่นพระบรม ราชานุสาวรีย์ ในวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2526 เวลา 11.49 น. พระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ คือ พญามังราย พญาร่วง และพญางำเมือง ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย ที่พระมหากษัตริย์สาม พระองค์มาทรงร่วมกันวางแผนการสร้างเมืองเชียงใหม่ ซึ่งปรากฏคำจารึกฐาน พระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์
บริเวณใกล้เคียงกับพระบรมราชานุสรณ์สามกษัตริย์
   พญามังราย ประสูติ เมื่อปีกุน พ.ศ. ๑๗๘๒ พระองค์ทรงครองเมืองเงินยางเชียงแสนแทนพญาลาวเม็ง พระราชบิดา เมื่อ พ.ศ. ๑๘๐๒ ทรงพระปรีชาสามารถกล้าหาญเป็นเยี่ยมสามารถ รวบรวมแคว้นและเมืองต่างๆ เข้าเป็นอาณาจักรล้านนาไทย และได้ทรงตรากฏหมาย "มัง รายศาสตร์" ขึ้นเป็นหลักในการปกครองบ้านเมือง พระองค์ทรงเป็นปฐมกษัตริย์ ราชวงศ์มังราย เมื่อปี พ.ศ. ๑๘๓๙ โดยมีพระราชวงศ์สืบ ต่อกันมาอีก ๑๗ พระองค์ พญามังรายสิ้นพระชนม์เมื่อปี พ.ศ. ๑๘๖๐ สิริพระชนมายุได้ ๗๙ ชันษา
           พญาร่วง(พ่อขุนราคำแหงมหาราช) พระมหากษัตริย์แห่ง อาณาจักรสุโขทัยพระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่สามของ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ทรงพระบรมเดชานุภาพมากเมื่อพระชนมายุได้ ๑๙ พรรษา ได้กระทำยุทธหัตถีชนะขุนสามชนเจ้า เมืองฉอด ปรากฏพระเกียรติยศไพศาลเป็นที่คร้ามเกรงแก่บรรดาหัวเมืองต่างๆ สมัยนั้น พระองค์ทรงปกครองบ้านเมืองและอาณา ประชาราษฎร์ให้ได้รับความร่มเย็นเป็นสุขทุกถ้วนหน้า และได้ทรงประดิษฐ์อักษรไทย เมื่อปี พ.ศ. ๑๘๒๖ ซึ่งใช้สืบมาจนถึงทุกวันนี้ ทรงครองราชย์เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๑๘๒๒ และสิ้นพระชนม์เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๑๘๔๒
      พญางำเมือง ประสูติเมื่อปีจอ พ.ศ. ๑๗๘๑ ทรงปกครองเมืองพะเยาสืบต่อจากพญามิ่งเมืองพระราชบิดา เมื่อ พ.ศ. ๑๘๐๑ เมื่อทรงพระเยาว์ได้ศึกษาศิลปวิทยาร่วมสำนักอาจารย์เดียวกับพญามังราย จึงเป็นพระสหายสนิทแต่นั้นมา พระองค์ทรงอานุภาพเสมอ เท่าเทียมกันในการปกครองบ้านเมืองนั้น ได้ทรงใช้วิเทโศบายผูกมิตรไมตรีกับอาณาจักรใกล้เคียง บ้านเมืองจึงร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา

พระราชาธิราชทั้งสามพระองค์ ได้ทรงกระทำสัตย์ปฏิญาณผูกมิตรทรงดื่มน้ำสัตยาผสมโลหิตจากนิ้วพระหัตถ์ เพื่อเป็นมิตร น้ำร่วมสาบานไม่เป็นศัตรูต่อกัน ณ ฝั่งแม่น้ำอิง เขตเมืองพะเยา


เมื่อพญามังรายได้ทรงสร้างเมืองเชียงรายแล้ว ต่อมาได้ทรงสร้างเมืองฝางและตีได้เมืองหริภุญไชยจากพญายีบาได้สร้าง เวียงกุมกาม ซึ่งปัจจุบันอยู่ในท้องที่อำเภอสารภี ภายหลังทรงพบชัยภูมิเมืองอันเป็นศุภนิมิตรมงคล ๗ ประการ เป็นที่ราบริมน้ำปิงกับ ดอยสุเทพ พญามังรายจึงได้เชิญพระสหาย คือ พญาร่วงและพญางำเมืองมาร่วมปรึกษาหารือ ตั้งพิธีกัลปบาตฝังนิมิตหลักเมือง ในวัน พฤหัสบดี เพ็ญเดือน ๖ พ.ศ. ๑๘๓๙ จันทร์เสวยฤกษ์ ๑๖ ยามแตรจักใกล้รุ่งไว้ลัคนาเมืองในราศรีมินอาโปธาตุ สร้างเสร็จในปีเดียวกันขนานเมือง ใหม่นี้ว่า "นพบุรีศรีนครพิงค์เมืองเชียงใหม่"
ถนนด้านหน้าอนุสาวรีย์สามกษัตริย์
            อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ เป็นอนุสาวรีย์ที่ประดิษฐานพระบรมรูปของพระยามังราย พญาร่วงแห่งสุโขทัย และพญางำเมืองจากพะเยา มูลเหตุของการก่อตั้งอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ คือ เมื่อครั้งพระยามังรายจะเริ่มสร้างเมืองใหม่ ได้ทรงเชิญเสด็จพระสหายร่วมน้ำสาบาน ทั้งสองพระองค์ เพื่อทรงตกลงกันว่าจะสร้างเมือง ณ ที่ใด กษัตริย์ทั้งสามพระองค์ทรงปรึกษาตกลงกันว่า บริเวณป่าเชิงดอยสุเทพเหมาะสมที่จะสร้างเป็นเมืองหลวงเป็นอย่างยิ่ง
          จากพระบรมรูปตามจินตนาการ พญามังรายประทับยืนกลาง สองพระกรโอบไปเบื้องพระปฤศฎางค์ของพระสหายทั้งสองอย่างรักใคร่สนิทสนม ทอดพระเนตรมายังพญาร่วงซึ่งประทับยืนเบื้องซ้าย ทรงท้าวพระหัตถ์ข้างซ้ายไว้บนบั้นพระองค์กำลังทรงชี้พระดรรชนีข้างขวาลงสู่ พื้นปถพี แสดงถึงพระราชดำรัส ปรากฏตามประวัติการสร้างเมืองเชียงใหม่อันน่าภูมิใจว่า
" เมืองนี้ข้าศึกจะทำร้ายมิได้ คนไหนมีเงินพันมาอยู่จะมีเงินหมื่น ครั้นมีเงินหมื่นมาอยู่จะมีเงินแสน"
พญางำเมืองซึ่งประทับอยู่เบื้องขวา ไขว้พระหัตถ์ขวาไว้เบื้องพระปฤศฎางค์ พระหัตถ์ซ้ายผายมาทางพญาร่วงอย่างเห็นด้วย พลางถวายความเห็นว่า " ชัยภูมิของเมืองนี้ดีจริง เพราะเหตุว่าเนื้อดินมีพรรณรังษี ๕ ประการ และประกอบด้วยศุภนิมิตไชยมงคล ๗ ประการ"
   ข้อมูลจาก http://www.nairoboo.com ,http://kanchanapisek.or.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น